แอร์, สาระน่ารู้

รวมปัญหาแอร์ช่วงหน้าฝนแอร์ไม่เย็น แอร์มีกลิ่นอับ แอร์ช่วงหน้าฝน แอร์เหม็นอับ

เครื่องปรับอากาศ หรือ “แอร์” เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทุกบ้านขาดไม่ได้ในปัจจุบันที่อุณหภูมิโลกพุ่งสูงขึ้นทุกปี หลายพื้นที่ในปีนี้อุณหภูมิพุ่งสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส รวมทั้งอาการป่วยจากโรคลมแดดหรือ “ฮีทสโตรก” ที่มีข่าวให้เห็นไม่เว้นในแต่ละวัน ยิ่งเป็นสิ่งกระตุ้นให้เห็นถึงอันตรายที่มากับความร้อน เครื่องปรับอากาศจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ทำให้ช่วงเวลาพักผ่อนในบ้านของคุณนั้นสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ซึ่งแอร์นั้นก็มีหลายรูปแบบ และมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไปด้วย

ปัญหาที่มักพบเจอในการเปิดแอร์ช่วงหน้าฝน

แอร์เหม็นอับ แอร์มีกลิ่นอับชื้น คือปัญหาที่คนต้องพบเจอในการใช้แอร์ในช่วงหน้าฝน สาเหตุหลัก ๆ เกิดจากเชื้อรา ที่อาจจะมาจากการอุดตันของไรฝุ่นและสิ่งสกปรกตามแผ่นกรองอากาศหรือส่วนต่าง ๆ ภายในเครื่องปรับอากาศส่งผลให้แอร์ไม่เย็นตามมา

และความชื้นภายในห้องที่สูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าฝนทำให้เกิดไอน้ำภายในตัวเครื่องส่งผลให้แอร์เหม็นอับ แอร์มีกลิ่นอับชื้น รวมถึงในส่วนของถาดน้ำทิ้งที่อาจเกิดการอุดตันจนเกิดเชื้อราทำให้ระบายน้ำได้ไม่ดีจนทำให้น้ำแอร์ไหลย้อนกลับจนเกิดปัญหาแอร์หยดได้ นอกจากปัญหาเรื่องกลิ่นอับชื้นจะส่งผลสุขภาพกายสุขภาพใจของเราแล้วมันยังต่อประสิทธิภาพของเครื่องปรับอากาศที่อาจทำความเย็นได้ไม่เต็มที่อีกด้วย

วิธีดูแลรักษาแอร์ในช่วงหน้าฝน

แอร์มีกลิ่นอับชื้น แก้อย่างไร? เป็นปัญหาที่ทุกคนต้องพบเจอ อย่างแรกเลยคือการติดต่อให้ช่างผู้เชี่ยวชาญมาล้างแอร์ ทำความสะอาดสิ่งอุดตันที่เป็นสาเหตุเบื้องต้นในการเกิดเชื้อราจนส่งผลให้แอร์เหม็นอับและแอร์ไม่เย็น ซึ่งเราควรทำความสะอาดแอร์อย่างน้อยทุก ๆ 6 เดือน อีกสาเหตุที่เราสามารถทำได้ด้วยตัวเองคือขจัดความอับชื้นภายในห้อง เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท หรือหากห้องของคุณมีต้นไม้ ตู้ปลา ก็อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ความชื้นในห้องนั้นสูง และเป็นสาเหตุทำให้แอร์มีกลิ่นอับชื้นได้

เลือกแอร์ที่มีคุณภาพมีศูนย์บริการครอบคลุมสามารถสอบถามปัญหาในเบื้องต้นได้ และมีช่างผู้เชี่ยวชาญที่ได้มาตรฐาน มีระยะเวลาประกันที่เหมาะสม รวมถึงฟังก์ชันทำความสะอาดภายในตัวลดการก่อตัวของเชื้อราที่เป็นสาเหตุทำให้แอร์มีกลิ่นอับ ซึ่งเครื่องปรับอากาศของ PSI นั้นตอบโจทย์ทุกข้อในการแก้ปัญหา

แอร์มีกี่ประเภท?

แอร์ทุกประเภทมีหน้าที่ปรับอุณหภูมิเหมือนกันแต่มีวิธีการเลือกใช้ที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้เลือกซื้อและสถานที่ในการติดตั้ง

  1. แอร์แบบฝังติดเพดาน (Built-in type) เป็นลักษณะที่ฝังแอร์ไว้ติดกับเพดานห้องหรือตัวฝ้า เพื่อให้เห็นตัวเครื่องปรับอากาศให้น้อยที่สุด ไม่บดบังทัศนียภาพภายในห้อง และจะเห็นได้บ่อย ๆ ตามห้างสรรพสินค้า โรงแรม เนื่องจากกระจายความเย็นได้ดีทั่วถึง ไม่เปลืองพื้นที่

ข้อเสียของแอร์ประเภทนี้คือความยากในการติดตั้ง และการดูแลรักษาที่ทำได้ค่อนข้างยาก

  1. แอร์แบบตู้ตั้งพื้น (Package type) มีลักษณะเป็นตู้สี่เหลี่ยมทรงสูง ให้กำลังลมแรงไม่เหมาะกับการใช้งานภายในบ้าน แต่จะเหมาะกับพื้นที่กว้างและมีคนเข้าออกตลอดเวลา เช่น ห้องประชุม ร้านอาหาร

ข้อเสียของแอร์แบบตู้ตั้งพื้นคือเสียพื้นที่ใช้สอยเนื่องจากตู้แอร์ค่อนข้างใหญ่

  1. แอร์แบบหน้าต่าง (Window type) มีลักษณะตามชื่อเรียกคือฝังตามผนังห้องได้คล้าย ๆ กับมีหน้าต่างติดอยู่ที่ผนัง ไม่ต้องเดินท่อน้ำยาแอร์ ช่วยให้ประหยัดพื้นที่ในการติดตั้ง 

ข้อเสียของแอร์แบบหน้าต่างหลัก ๆ เลยคือมีเสียงดังขณะใช้งาน และมีแรงสั่นสะเทือนค่อนข้างมาก ทำให้ไม่ค่อยพบเห็นเครื่องปรับอากาศประเภทนี้ในปัจจุบันเท่าไรนัก

  1. แอร์แบบเคลื่อนที่ (Moveable type) มีลักษณะเป็นเครื่องเล็ก ๆ สะดวกต่อการขนย้ายไปตามห้องต่าง ๆ ไม่ต้องทำการติดตั้งแค่เสียบปลั๊กสามารถใช้งานได้เลย ราคาถูกกว่าแอร์แบบอื่น ๆ

ข้อเสียของแอร์ประเภทนี้ คือให้ความเย็นได้ค่อนข้างน้อยไม่เหมาะกับห้องขนาดใหญ่ หรือไม่เหมาะกับสถานที่ที่มีคนอยู่จำนวนมาก

  1. แอร์แบบตั้งพื้นหรือแบบแขวน (Ceiling/Floor type) แอร์ประเภทนี้ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ แต่ให้ความเย็นได้ดี เหมาะกับห้องขนาดเล็ก เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น เป็นแบบที่นิยมใช้กับที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน

ข้อเสียคือต้องเลือกพื้นที่ในการติดตั้งให้เหมาะสมเพื่อที่จะให้แอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

  1. แอร์แบบติดผนัง (Wall type) เป็นเครื่องปรับอากาศที่หาซื้อได้ง่าย มีรูปแบบที่หลากหลาย ให้ความแรงลมปรับอุณหภูมิได้ดี ไม่มีเสียงรบกวนขณะใช้งาน บำรุงรักษาได้ง่าย เป็นอีก 1 ประเภทที่นิยมติดตั้งในที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน 

ข้อเสียแอร์ประเภทนี้ คือไม่เหมาะกับสถานที่เปิด หรือห้องที่มีคนเข้าออกบ่อย ๆ เนื่องจากจะทำให้แอร์นั้นทำงานหนักจนเกินไป ส่งผลให้แอร์ไม่เย็นได้

แต่ถึงอย่างไรแอร์แบบติดผนัง (Wall type) ก็ยังเป็นแอร์ที่ได้รับความนิยมและเหมาะกับการใช้ในที่อยู่อาศัยมากที่สุด และอย่างที่กล่าวไปในข้างต้นว่าแอร์ประเภทนี้มีรูปแบบที่หลากหลาย จึงต้องมีวิธีการเลือกให้เหมาะกับการใช้งานและลักษณะที่อยู่อาศัยของเรา

วิธีเลือกแอร์ เลือกอย่างไร?

วิธีเลือกแอร์ให้เข้ากับบ้าน เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า แอร์บ้านนั้นถูกแบ่งออกเป็น 2 ระบบหลัก ๆ ตามลักษณะการทำงาน

  • แอร์ระบบ Fix Speed เป็นระบบที่ทำความเย็นได้เร็วและให้ความแรงลมที่สูงมาก เมื่อแอร์ทำงานถึงอุณหภูมิในจุดที่เราตั้งไว้ คอมเพรสเซอร์จะตัดการทำงานและจะกลับมาทำงานแบบเต็มกำลังอีกครั้งเมื่ออุณหภูมิในห้องเพิ่มสูงขึ้น เพื่อให้อุณหภูมิกลับไปในจุดที่เราตั้งไว้อย่างรวดเร็ว จึงเหมาะกับห้องที่มีความร้อนสูง ที่ต้องทำให้ห้องกลับมาเย็นได้เร็วที่สุด
  • แอร์ระบบ Inverter เป็นระบบที่สามารถทำความเย็นได้สม่ำเสมอ มีความต่างจาก Fix Speed คือคอมเพรสเซอร์จะไม่ตัดการทำงาน แต่จะลดระดับลงแทนทำให้ประหยัดไฟได้มากกว่า เพราะไม่ต้องไปเริ่มปรับอุณหภูมิใหม่ตั้งแต่ต้น

วิธีเลือกแอร์ที่สำคัญอีกเรื่องคือการคำนวณ BTU ของแอร์ให้เข้ากับขนาดห้องของคุณเพื่อให้ได้ขนาดเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสมหากเรื่องเครื่องที่ BTU น้อยเกินไปไม่เหมาะกับห้องจะส่งผลให้แอร์ไม่เย็นพอต่อความต้องการได้ หรือหาก BTU มากเกินไปอาจทำให้สิ้นเปลืองพลังงานจนเกินไปอีกด้วย ซึ่งคุณสามารถคำนวณ BTU แอร์ได้ง่าย ๆ ที่ > วิธีคำนวณค่า BTU AIR นอกจากนั้นยังมีเรื่องของอุณหภูมิภายนอก แสงที่เข้าถึงภายในห้อง รวมถึงความชื้นในอากาศที่สูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าฝน

ทำไมถึงต้องเลือกแอร์ PSI

เครื่องปรับอากาศ PSI เป็นเครื่องปรับอากาศที่มีคุณภาพ มีสารเคลือบสีทอง (Golden Fin) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการไหลเวียนของสารทำความเย็น และช่วยให้ระบายความร้อนได้ดีหมดห่วงเรื่องแอร์ไม่เย็น แอร์เหม็นอับ แอร์มีกลิ่นอับชื้น ท่อแอร์แบบเกลียวทองแดง 100 เปอร์เซ็นต์ ช่วยการแลกเปลี่ยนความร้อนของน้ำยาแอร์ทำได้มีประสิทธิภาพ

เราขอแนะนำ เครื่องปรับอากาศรุ่น i13 เป็นเครื่องปรับอากาศระบบ Inverter จะทำให้ค่าไฟของคุณไม่บานปลาย เย็นได้ตลอดทั้งวัน มาพร้อมโหมด ICE CLEAN FUNCTION ช่วยขจัดสิ่งสกปรก ลดการก่อตัวของเชื้อรา เพิ่มความสดชื่นและเงียบสงบทุกเวลา ไม่มีเสียงเครื่องปรับอากาศไปรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณ รับประกันยาวนานถึง 3 ปี สามารถติดต่อช่างได้ผ่านแอป PSI Fixit เป็นช่างที่ได้มาตรฐานการันตีงานซ่อมที่ได้คุณภาพ

หากต้องการเพิ่มความประหยัดสามารถมากยิ่งขึ้นคุณสามารถเลือกซื้อ ชุดโปรโมชันแอร์Inverter รุ่น i13 +โซล่าเซลล์ Easy Plug ได้ โปรโมชั่นสุดปังรับหน้าฝนช้อปแอร์ Inverter รุ่น i13 13,000 BTU พร้อมกับชุดโซล่าเซลล์ Easy Plug เพียง 27,900.- จากปกติ 32,000.- ให้บ้านคุณทั้งเย็นและประหยัดไฟไปพร้อมกัน

ถ้าคุณยังมีข้อสงสัยที่ต้องการสอบถามเพิ่มเติมหรือ สนใจผลิตภัณฑ์แอร์ Inverter หรืออยากติดตั้งโซล่าเซลล์ สามารถติดต่อ PSI เพื่อขอคำปรึกษา ได้ที่ศูนย์บริการทุกสาขาทั่วประเทศ

 

โทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ PSI Call Center 1247 หรือเว็บไซต์  PSI.CO.TH รวมทั้งที่ช่องทางออนไลน์ของ PSI ทุกช่องทาง LINE: @PSI1247 FB : https://www.facebook.com/psisats 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ร้อนแค่ไหน PSI เอาอยู่